Impreza 2.0R รื่นรมย์ในความผิดหวัง
สวัสดีครับ วันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะอัพ blog ที่ค้างมาเป็นชาติซะที เพราะอะไรน่ะหรอ ก็วันนี้สนุกสนานกับการไปทดลองขับ Subaru Impreza 2.0R ที่โชว์รูมมาน่ะสิ ไม่ต้องสาธยายเริ่มต้นมาก เริ่มเลยแล้วกัน วันนี้เวลาประมาณ 1200 ได้เข้าเทียบ ณ โชวร์รูม Motor Image Subaru ณ ถนนเสรีไทยด้วยการนำส่งของเจ้าแพลนเพื่อนในภาค แต่แรกมีโอกาสที่จะบึ่งรถเมล์ไป แต่สุดท้ายเจ้าแพลนก็ถึงขั้นนำ Jazz ที่กำลังจะส่งคืนศูนย์อยู่แล้วขับไปกัน (ขอบพระคุณมากเลยเน้อ)

พอเข้าถึงศูนย์ Subaru ก็พบว่ามียามอยู่ 3 คน + พนักงานขายคนเดียว !!! (ก็มิอาจทราบได้ว่าพนักงานขายหายไปไหนกันหมด) เมื่อติดต่อเรียบร้อยพี่พนักงานเขาบอกว่ารถยังไม่พร้อมให้รอไปก่อน ซึ่งผมก็ไปถ่ายรูปรอบ ๆโชว์รูมแล้วก็ได้พบกับความจริงอันน่าสะพรึงกลัวว่า โบร์ชัวร์บอกอุปกรณ์มาตรฐานที่ผมหยิบมาจากงาน Motor Show นั่นน่ะ มันเป็นรถ spec ญี่ปุ่น พอมา spec ไทย (spec อังกฤษ) มันกลับโดนหั่นออกไป เท่าที่เห็นชัด ๆ ก็มี ที่ฉีดล้างไฟหน้า, ม่านถุงลมนิรภัย นอกนั้นไม่ได้สังเกต (แต่มีช๊อคค่ำฝากระโปรงหน้า) อุปกรณ์ภายในไม่ต่างกับรถราคา 1.3 ล้านในไทยทั่วไป วิทยุ CD 6 แผ่น (ลืมทดสอบคุณภาพเครื่องเสียง), พวงมาลัยหุ้มมหนัง, Cruise Control, แอร์มือบิด (น่าจะใส่ Auto มาสักหน่อยก็ยังดี) และอื่น ๆ ที่ไม่ได้เช็ค แต่ก็นะ จะเอาแต่ผิวหวังกับ Option จนเสียจุดประสงค์หลักก็ใช่เรื่อง พอมาได้สัก เกือบบ่าย พี่เขาก็มาเรียกไปให้ลองรถได้ คันนี้ล่ะครับ Impreza 2.0R Sedan สีดำคันนี้


(อยากได้เกียร์ธรรมดา แต่ดันไม่มีให้ลองซะนี่) ผมเลยไม่รู้มันจะออกมาเป็นยังไงเลยให้เจ้าแพลนเพื่อนผมลองขับดูก่อน (ไปให้เขาทดลอง เรานี่แย่จริง ๆ ) เจ้าแพลนก็ลองขับไปเรื่อย ๆ

ภายในสนามทดสอบอันน้อยนิดภายหลังโชว์รูม ซึ่งก็ประมาณนี้
| | อู่ซ่อม ____
| |_______________|
|
| 1 2 3 4 5 6 7 8 9
|_____________________________
(แผนที่มันบึ้ม ๆ อะ ทำไงดี blogger มันฉลาดเกินไป แง)
จากการที่เจ้าแพลนขับนิ่ม ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า เบาะนั่งสบายดี ช่วงล่างก็นิ่ม ไม่รู้สึกกระด้างให้อารมณ์ Sport จนเกินไป เจ้าแพลนยังบอกอีกว่า พวงมาลัยให้ความรู้สึกดีกว่า Camry 2.4 โฉมไฟย้อยของเขามาก คุมรถได้ดีกว่า จากนั้นผมก็ถูกเชื้อเชิญไปเป็นผู้ขับแทน (ผมรู้สึกสั่นมาก เพราะไม่เคยขับรถพวกนี้มาก่อน) สนามเล็ก ๆ ผมก็ไม่กล้าอะไรมาก ตอนแรกก็กดคั่นเร่งลงไปไม่แรง พอถึง 40 ก็ปล่อย เหยียบเบรคแล้วก็หักเลี้ยวช้า ๆ เพื่อให้ตัวเองชินกับรถ ทำแบบนี้ไปอีก 2-3 รอบแล้วก็ค่อย ๆ เร็วขึ้น จากนั้นไม่นานที่บ้านของเจ้าแพลนบอกว่าให้รีบกลับบ้านเพราะมีเรื่องด่วน ผมเลยต้องรวบรัดซะแล้ว จากนั้นผมก็ถามเจ้าแพลนว่าไม่รัดเข็มขัดเหรอ ? แต่ผมหันไปถามแต่ก็ไม่ได้ติดตามว่าเขารัดหรือไม่ ผมถามเขาแค่คำเดียวว่า พร้อมหรือยัง หลังจากนั้นผมก็กดคันเร่งลงไปเต็มที่ แต่ผมรู้สึกได้ว่าหลังจากผมกดคันเร่งลงไปประมาณ 1 วินาทีกำลังถึงจะถูกส่งให้ระบบขับเคลื่อน ครั้งแรกผมไม่กล้สขับถึง 60 ได้ประมาณ 45 ก็ค่อย ๆ แตะเบรคหยุด (เพราะกลัวอันตรายจากการทำหน้ารถไปปะทะกับกำแพงขาว) แต่พอกลับรถมาได้ก็เริ่มกันใหม่ กดลงไปเต็ม ๆ คันเร่ง (1 วินาทีเหมือนเดิม) รถเร่งไปถึง 60 โดยไม่ได้จับ (น่าจะประมาณกรวยที่ 6 จากซ้าย) เวลาผ่านไปอีกนิดเดียวผมก็แตะเบรค ครั้งแรกกะจะเบรคเบา ๆ แต่คิดอีกทีกดลงไปให้เต็มเท้าเลย นั่นเลยทำให้กว่ารถจะเบรคสุดก็เลยมาถึงกรวยที่ 8 แล้ว แต่ทีเด็ดอยู่ตรงที่ผมวนรถกลับไป ใส่ไปเรื่อย ๆ ถึง 60 ด้วยความรวดเร็ว (ถึงประมาณกรวยที่ 2 ) ผมแตะเบรคไปขณะหนึ่งแล้ว หักขวาให้สุด (รอบกรวย 1) ได้ยินชัดเจนว่ายางมีเสียงเอียดอาดจนน่าหวาดเสียวแต่ผมก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด (อ่าน Review พี่จิมมี่มาแล้วเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร) แม้กระนั่นรถก็ไม่เกิดอาการ Understeer แต่อย่างใด (ภายหลังเจ้าแพลนบอกว่าประมาณ 50) จนรถกลับอยู่ในภาพเดิมของมันโดยไม่เกิดอาการโยนให้น่ากลัวแต่อย่างใด จากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องกลับกัน นำรถไปจอดเป็นอันจบพิธี
สรุป (จากความรู้สึกผมล้วน ๆ )
พวงมาลัยหนึบดีมาก สั่งได้ดั่งใจ (Tiida พวงมาลัยโหวงจัง)
เบรคกดลงไปตามใจนึก ไม่โหวงไป ไม่ลึกไป
คันเร่ง 1 วิช้าไปหน่อย
เกียร์ Auto นุ่มนวล ไม่ถึงกับกระชากหนังติดเบาะ ขับในเมืองจริง ๆ นั่นแหละ
ข้อความปะติด
ผมก็ไม่รู็นะครับว่าการโค้งกลับรถด้วยความเร็ว 50 นั้นรถตลาดจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับเปอร์โยต๋ 406 ของปะป๊าผมแล้วก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ
Motor Image, Thailand ที่ให้ผมได้มีโอกาสทดลองขับ
ขอบคุณชินส์ด้วยนะที่ถามให้
นายแพลนเพื่อนผม ที่โปรดขับ Jazz พาผมไปลองที่โชว์รูม (ไปตั้งไกลถึงบึงกุ่มแหนะ)

พอเข้าถึงศูนย์ Subaru ก็พบว่ามียามอยู่ 3 คน + พนักงานขายคนเดียว !!! (ก็มิอาจทราบได้ว่าพนักงานขายหายไปไหนกันหมด) เมื่อติดต่อเรียบร้อยพี่พนักงานเขาบอกว่ารถยังไม่พร้อมให้รอไปก่อน ซึ่งผมก็ไปถ่ายรูปรอบ ๆโชว์รูมแล้วก็ได้พบกับความจริงอันน่าสะพรึงกลัวว่า โบร์ชัวร์บอกอุปกรณ์มาตรฐานที่ผมหยิบมาจากงาน Motor Show นั่นน่ะ มันเป็นรถ spec ญี่ปุ่น พอมา spec ไทย (spec อังกฤษ) มันกลับโดนหั่นออกไป เท่าที่เห็นชัด ๆ ก็มี ที่ฉีดล้างไฟหน้า, ม่านถุงลมนิรภัย นอกนั้นไม่ได้สังเกต (แต่มีช๊อคค่ำฝากระโปรงหน้า) อุปกรณ์ภายในไม่ต่างกับรถราคา 1.3 ล้านในไทยทั่วไป วิทยุ CD 6 แผ่น (ลืมทดสอบคุณภาพเครื่องเสียง), พวงมาลัยหุ้มมหนัง, Cruise Control, แอร์มือบิด (น่าจะใส่ Auto มาสักหน่อยก็ยังดี) และอื่น ๆ ที่ไม่ได้เช็ค แต่ก็นะ จะเอาแต่ผิวหวังกับ Option จนเสียจุดประสงค์หลักก็ใช่เรื่อง พอมาได้สัก เกือบบ่าย พี่เขาก็มาเรียกไปให้ลองรถได้ คันนี้ล่ะครับ Impreza 2.0R Sedan สีดำคันนี้

(อยากได้เกียร์ธรรมดา แต่ดันไม่มีให้ลองซะนี่) ผมเลยไม่รู้มันจะออกมาเป็นยังไงเลยให้เจ้าแพลนเพื่อนผมลองขับดูก่อน (ไปให้เขาทดลอง เรานี่แย่จริง ๆ ) เจ้าแพลนก็ลองขับไปเรื่อย ๆ
ภายในสนามทดสอบอันน้อยนิดภายหลังโชว์รูม ซึ่งก็ประมาณนี้
| | อู่ซ่อม ____
| |_______________|
|
| 1 2 3 4 5 6 7 8 9
|_____________________________
(แผนที่มันบึ้ม ๆ อะ ทำไงดี blogger มันฉลาดเกินไป แง)
จากการที่เจ้าแพลนขับนิ่ม ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า เบาะนั่งสบายดี ช่วงล่างก็นิ่ม ไม่รู้สึกกระด้างให้อารมณ์ Sport จนเกินไป เจ้าแพลนยังบอกอีกว่า พวงมาลัยให้ความรู้สึกดีกว่า Camry 2.4 โฉมไฟย้อยของเขามาก คุมรถได้ดีกว่า จากนั้นผมก็ถูกเชื้อเชิญไปเป็นผู้ขับแทน (ผมรู้สึกสั่นมาก เพราะไม่เคยขับรถพวกนี้มาก่อน) สนามเล็ก ๆ ผมก็ไม่กล้าอะไรมาก ตอนแรกก็กดคั่นเร่งลงไปไม่แรง พอถึง 40 ก็ปล่อย เหยียบเบรคแล้วก็หักเลี้ยวช้า ๆ เพื่อให้ตัวเองชินกับรถ ทำแบบนี้ไปอีก 2-3 รอบแล้วก็ค่อย ๆ เร็วขึ้น จากนั้นไม่นานที่บ้านของเจ้าแพลนบอกว่าให้รีบกลับบ้านเพราะมีเรื่องด่วน ผมเลยต้องรวบรัดซะแล้ว จากนั้นผมก็ถามเจ้าแพลนว่าไม่รัดเข็มขัดเหรอ ? แต่ผมหันไปถามแต่ก็ไม่ได้ติดตามว่าเขารัดหรือไม่ ผมถามเขาแค่คำเดียวว่า พร้อมหรือยัง หลังจากนั้นผมก็กดคันเร่งลงไปเต็มที่ แต่ผมรู้สึกได้ว่าหลังจากผมกดคันเร่งลงไปประมาณ 1 วินาทีกำลังถึงจะถูกส่งให้ระบบขับเคลื่อน ครั้งแรกผมไม่กล้สขับถึง 60 ได้ประมาณ 45 ก็ค่อย ๆ แตะเบรคหยุด (เพราะกลัวอันตรายจากการทำหน้ารถไปปะทะกับกำแพงขาว) แต่พอกลับรถมาได้ก็เริ่มกันใหม่ กดลงไปเต็ม ๆ คันเร่ง (1 วินาทีเหมือนเดิม) รถเร่งไปถึง 60 โดยไม่ได้จับ (น่าจะประมาณกรวยที่ 6 จากซ้าย) เวลาผ่านไปอีกนิดเดียวผมก็แตะเบรค ครั้งแรกกะจะเบรคเบา ๆ แต่คิดอีกทีกดลงไปให้เต็มเท้าเลย นั่นเลยทำให้กว่ารถจะเบรคสุดก็เลยมาถึงกรวยที่ 8 แล้ว แต่ทีเด็ดอยู่ตรงที่ผมวนรถกลับไป ใส่ไปเรื่อย ๆ ถึง 60 ด้วยความรวดเร็ว (ถึงประมาณกรวยที่ 2 ) ผมแตะเบรคไปขณะหนึ่งแล้ว หักขวาให้สุด (รอบกรวย 1) ได้ยินชัดเจนว่ายางมีเสียงเอียดอาดจนน่าหวาดเสียวแต่ผมก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด (อ่าน Review พี่จิมมี่มาแล้วเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร) แม้กระนั่นรถก็ไม่เกิดอาการ Understeer แต่อย่างใด (ภายหลังเจ้าแพลนบอกว่าประมาณ 50) จนรถกลับอยู่ในภาพเดิมของมันโดยไม่เกิดอาการโยนให้น่ากลัวแต่อย่างใด จากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องกลับกัน นำรถไปจอดเป็นอันจบพิธี
สรุป (จากความรู้สึกผมล้วน ๆ )
พวงมาลัยหนึบดีมาก สั่งได้ดั่งใจ (Tiida พวงมาลัยโหวงจัง)
เบรคกดลงไปตามใจนึก ไม่โหวงไป ไม่ลึกไป
คันเร่ง 1 วิช้าไปหน่อย
เกียร์ Auto นุ่มนวล ไม่ถึงกับกระชากหนังติดเบาะ ขับในเมืองจริง ๆ นั่นแหละ
ข้อความปะติด
ผมก็ไม่รู็นะครับว่าการโค้งกลับรถด้วยความเร็ว 50 นั้นรถตลาดจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับเปอร์โยต๋ 406 ของปะป๊าผมแล้วก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ
Motor Image, Thailand ที่ให้ผมได้มีโอกาสทดลองขับ
ขอบคุณชินส์ด้วยนะที่ถามให้
นายแพลนเพื่อนผม ที่โปรดขับ Jazz พาผมไปลองที่โชว์รูม (ไปตั้งไกลถึงบึงกุ่มแหนะ)
Comments