ความอัดอั้นที่สั่งสมมานานของผมเอง
เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกัน
?
ทำไมชีวิตไม่มีความสุขเลยที่จะไปทำงาน
แม้กระทั่งนั่งทำงานที่อยู่ตรงหน้าตัวเองก็ตาม
ปริมาณล่ะ เยอะแค่ไหน ?
มานั่งคิดดูดี ๆ แล้ว
ในหนึ่งวัน
ถ้าไม่นับเวลาช่วงที่มีสติในหนึ่งวัน
(เวลานอน) 24-7 = 17 ชั่วโมง
ถ้าไม่นับเวลาช่วงหลับในรถบัสของบริษัท
17-1 = 16 ชั่วโมง สำหรับการมีสติทำอะไรต่อมิอะไร
ถ้านับวันที่หนักที่สุดก็...
ตั้งแต่ 0700-1630 (เป็นเวลา 9.30 ชั่วโมง)
แทบจะไม่มีความสุขจนยิ้มได้เลย (แต่มีย่อย ๆ
เป็นพูดตลกขบขันอะไรกันในแผนกก็นับเป็นช่วง 10 วินาทีสักสามสี่ช่วงในวันนึงละมั้ง)
ก่อนนอนสัก 3 ชั่วโมงก็ตกอยู่ในวังวนชีวิตว่างเปล่า ไปทำงานทำไม ทำแล้วได้อะไร ลำบาก
โดนบังคับให่ทำอะไรที่ไม่ชอบทั้งวัน บังคับให้สู้
ให้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ชอบทั้งวัน พรุ่งนี้ก็ยังต้องเจอมันอีกเหรอ
ไม่มีวันจบวันสิ้นสุดเลยที่จะต้องอดทนอยู่กับมัน โดนกดดันจากอะไรก็ไม่รู้
โดนความหวังมากมายว่าต้องทำได้ มีแต่โจทย์แต่ไม่มีองค์ความรู้ที่ถ่ายทอด
มันเจ็บปวด มันทำให้เกิดอาการอยากร้องไห้ แต่น้ำตาไม่ไหลออกมาสักที
มันเกิดอาการแบบ อยากให้โดนทั่งเหล็กทับตายกลางบ้านไปเลย ไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว
อะไรก็ช่างมัน… ประมาณนั้น
รวม ๆ แล้วก็ 12.30
ชั่วโมงจากเวลา 16 ชั่วโมงสินะ
หนักอยู่เหมือนกันนะ
แต่ก็ใช่ว่าจะหนักทุกวัน
วันที่มีความสุขทั้งวันเลยก็มีเหมือนกันนะ
แต่นั่น...
เป็นส่วนน้อยของชีวิตประมาณ 3/8 ได้ล่ะ
คำถามสำคัญที่สุดในสามโลกเลยนะ
เคยอยากไปทำงานไหม ?
เคยสิ วันแรกที่ได้ไปทำงาน วันแรกที่ได้เจอเพื่อน
ๆ วันแรกที่ได้เข้าแผนก วันแรกที่เริ่มได้รู้จักการทำงาน นอกนั้นเฉย ๆ แล้ว
เป็นมานานแค่ไหนแล้ว ?
ตั้งแต่ก่อนปีใหม่
ประมาณเริ่มเข้าแผนกจริง ๆ นั่นแหละ หรือกล่าวคือ กลางเดือนธันวาคม
เป้นมาเรื่อยมาไม่ว่าจะไป Training สนุกสนานแค่ไหนก็เป็น
เคยกระทั่งหยุดหัวเราะไปทั้ง ๆ ที่หัวเราะค้างไปเลยอย่างงั้นก็มี
แล้วทำไมถึงไม่ตัดสินใจจะลาออกหรืออะไรล่ะ
?
ทางบ้านบอกว่า
อดทนไปก่อน ยังไงก็ขอให้อดทนไปก่อน อย่างน้อยสักปีนึงก็ยังดี ไหน ๆ
ก็มีที่มั่นคงแล้วจะปล่อยให้มันเสียไปหรือไง ? หรือไม่ก็ไปสมัครที่อื่นไว้สิ แต่เอาจริง ๆ แล้วก็คือ "ก็ดูเงินเดือนก่อน ถ้าพอ ๆ
กันหรือมากกว่าแล้วสวัสดิการอะไรดีก็ค่อยตัดสินใจ"
ทำไมถึงอยากบ่นลงในนี้ล่ะ
?
ชีวิตก็อยากทำงานที่ตัวเองชอบและคิดว่าทำมันได้สบาย
ๆ แต่งานพวกนั้นมันไม่เจริญ ไม่มั่นคง โดนยับยั้งตลอด “เพราะมันไม่มีอนาคตจะไปทำมันทำไม สู้อดทนทำงานแบบนี้ไปยังดีซะกว่า
ไอ้พวกเด็กสมัยนี้มันไม่มีความอดทนเอาซะเลย ซันอยู่กับความฝันมากเกินไปนะ
หัดมองโลกแห่งความจริงแล้วยอมรับมันซะ” แต่สำหรับผมแล้ว
ผมไม่คิดอย่างงั้นนะ ผมไม่คิดจะสร้างภาระอะไรไว้ให้ใคร ผมอยากจะสร้างแค่สิ่งดี ๆ
ไว้แค่เท่านั้น ผมไม่ได้อยากมีคนต้องมาคอยดูแลตลอดเวลา อย่างมากก็มีเพื่อนที่เขายินดีที่จะคุยกับเราได้ก็พอแล้ว
ผมไม่ได้อยากแต่งงานเพื่อคลายเหงาให้ตัวเองเวลาแก่ ไม่ได้อยากมีลูกเพื่อให้เขามาเลี้ยงดูตัวเองตอนแก่
ผมแค่อยากทำงานที่ผมคิดว่าผมสามารถทำมันไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกยังไงก็อยากจะทำมัน
แค่นี้เองผมคิดว่าผมเป็นจิตรกรที่จะสร้างสรรค์อะไรให้กับโลกนี้
ไม่ใช่เกิดมาเพื่อเอาตัวให้รอดเพื่อสร้างเกียรติแก่วงศ์ตระกูลหรือเพื่อเป็นทาสรับใช้ใครต่อใคร
ถ้าผมคิดว่าผมสร้างสรรค์อะไรไม่ได้ ผมขอจากโลกนี้ไปอย่างสงบดีกว่า อยู่ไปก็ไร้ค่า ขอเป็นแค่ผู้ให้อย่างเดียวก็พอ ผมไม่ขอเงินพ่อแม่แล้ว ผมจะให้อย่างเดียวเท่านั้น
ดูแลท่านเท่านั้น แต่ตอนนี้ที่ผมยังมีแรงออกไปฝ่าฟันฝัน ขอผมออกไปก่อน ผมรู้ limit
ของตัวเอง ผมมีเพื่อนดี ๆ อยู่รอบกาย
เมื่อถึงเวลานั้นที่ท่านต้องการความมั่นคงแล้วผมจะมอบให้
Comments